ถ้าหากนึกถึงทะเลสาบในประเทศรัสเซีย บอกเลยว่าห้ามพลาดความสวยงามแบบลึกลับ ดูอบอวลด้วยมนต์เสน่ห์อันพิลึกแบบแปลกตา ต้องที่ “ทะเลสาบไบคาล” สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความเก่าแก่ แถมยังมีระดับความลึกมากที่สุดในโลกด้วย ด้วยบรรยากาศเวลาเข้าไปถึง จะรู้สึกเหมือนกับการท่องเที่ยวในอีกโลกหนึ่ง เหมือนวาร์ปมาในอีกดาวที่ดูไม่เหมือนโลกเอาซะเลย เพราะพื้นที่ปกคลุมไปด้วยความหนาว ไอหมอกแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ทะเลสาบที่นิ่งสนิทราวกับเป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดยักษ์ บางส่วนของผืนน้ำกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ เพราะอากาศในระดับที่ติดลบ มีภูเขาขนาดใหญ่ ระบายด้วยปุยหิมะสีขาวเป็นหย่อม ๆ ตั้งตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่เหมือนกำแพงกั้นเขตแดน เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลความลึกลับ รับรองว่านักผจญภัยจะต้องไม่ผิดหวัง แม้การเดินทางอาจจะทุลักทุเลไปบ้างก็ตามที ความน่าตื่นตาตื่นใจของทะเลสาบไบคาล ที่มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า “Lake Baikal” ตั้งอยู่ในประเทศรัสเซีย ส่วนหนึ่งของพื้นที่แถบไซบีเรียที่เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าที่นี่เงียบสงบราวกับร้างไร้ผู้คนสักแค่ไหน แน่นอนว่าความหนาวเย็นติดลบจนหายใจออกมาเป็นไอหมอกนั้นจะสะท้านทรวงสักเพียงใด อาณาเขตแห่งความยิ่งใหญ่ พื้นที่โดยรอบของทะเลสาบมีความยาววัดได้ประมาณ 650 กิโลเมตร มีความกว้างประทาณ 50 กิโลเมตร รวมพื้นที่ก็น่าจะได้ราวๆ 31,700 ตารางกิโลเมตร การก่อกำเนิดมาจากน้ำที่เอ่อท่วมเข้าไปในรอยเปลือกโลกที่แตกออกจากกัน จนกลายเป็นทะเลสาบธรรมชาติ กระบวนการนี้ไม่ได้ใช้เวลาเพียงข้ามคืนหรือไม่กี่วัน ทว่าใช้เวลาเกือบ 25 ล้านปีกว่าจะกลายมาเป็นทะเลสาบอันเก่าแก่แห่งนี้ ด้วยความกว้างใหญ่ไพศาล ประวัติที่ถูกเล่าขานผ่านกาลเวลามาช้านานเป็นล้าน ๆ ปีเช่นนี้ ที่นี่จึงหนีไม่พ้น … Continued
ทำความรู้จักกับ Oshino Hakkai (忍野八海) Oshino Hakkai (忍野八海) หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า หมู่บ้านน้ำใส นั้นตั้งอยู่ที่จังหวัดยามานาชิ ในเขตพื้นที่เดียวกันกับทะเลสาบทั้ง 5 ที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิเอาไว้นั่นเอง นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิจึงนิยมเดินทางมาที่หมู่บ้านน้ำใสแห่งนี้ด้วย ที่นี่มีความสวยงามในระดับที่ว่าได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางธรรมชาติในปีค.ศ. 1934 และได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในภูมิทัศน์ทางน้ำที่งดงามร้อยอันดับในปี ค.ศ. 1985 อีกด้วย ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เล่าขานกันมาว่าแต่เดิมเป็นพื้นที่ของทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปทำให้ทะเลสาบเหล่านั้นมีการเหือดแห้งไปตามธรรมชาติเมื่อเวลากว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมา และสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือบ่อน้ำทั้ง 8 บ่อที่บรรจุน้ำที่ใสสมชื่อหมู่บ้านเอาไว้เต็มเปี่ยม ซึ่งน้ำใสในบ่อทั้ง 8 นี้คือน้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาไฟในช่วงฤดูร้อน ไหลผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนรวมกับแร่ธาตุต่าง ๆ ทำให้น้ำนั้นใสแจ๋วอย่างที่เราเห็น คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าน้ำใน 8 บ่อนี้ไม่ใช่แค่น้ำที่ใสสะอาดและเย็นฉ่ำเท่านั้น แต่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่หากใครได้ดื่มกินจะมีอายุยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเราสามารถวักน้ำจากในบ่อขึ้นมาดื่มได้ หรือถ้าหากอยากเก็บกลับไปเป็นที่ระลึกหรือของฝากก็สามารถซื้อขวดจากร้านค้าบริเวณนั้นแล้วกรอกน้ำไส่ขวดกลับไปได้ ชมวิวฟูจิซังอันงดงาม เนื่องจากหมู่บ้านน้ำใสแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Kawaguchiko และ Yamanakako จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งใสจะมองไปเห็นวิวฟูจิซังท่ามกลางบรรยากาศหมู่บ้านที่เป็นเรือนไม้ สอดแทรกไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น ตัดกับภาพท้องฟ้าที่สดใส ได้เป็นภาพบรรยากาศที่งดงามน่าประทับใจ หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายจุดใดก็สวยสุด ๆ ชื่นชมน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา … Continued
ปีใหม่นี้เที่ยวประเทศไหนกันดีนะ.. พาชมประเทศสุดฮิตที่ช่วงปลายปีนี้ห้ามพลาดที่จะไปชมแสงสีเสียงการนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่สุดอลังการ วันนี้ Tourkrub เรารวบรวมสถานที่แต่ละประเทศที่เขาจัดงานเฉลิมฉลองวันปีใหม่กันเอาไว้ให้แล้วแบบจุใจ ใครเบื่อเคาท์ดาวน์ที่ประเทศไทย ขอให้ยกมือขึ้น! อยากจะไปสัมผัสอากาศหนาวๆ ชิวๆ ที่ต่างแดน นับ 5 4 3 2 1 แบบไม่เหงื่อไหลไคลย้อย ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้นละก็แนะนำให้อ่านบทความนี้กันให้ไว แล้วเลือกวงกลมประเทศที่อยากไปกันไว้ได้เลย จะได้ซื้อตั๋วกันแต่เนิ่นๆ เพราะช่วงปีใหม่ตั๋วก็แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันเด้อออ.. 1.สิงคโปร์ เริ่มจากบ้านใกล้เรือนเคียงของเรากันก่อนอย่างประเทศสิงคโปร์ นับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่จะจัดขึ้นที่บริเวณอ่าวมาริน่าเบย์ ดูพลุสุดอลังการภายในงานมีการแสดงเยอะแยะมากมาย ทั้งการแสดงดนตรี,การแสดงแสงเลเซอร์, ขบวนพาเหรดและการแสดงดอกไม้ไฟซึ่งเป็นไฮไลท์หลักของงาน และจะมีการเขียนคำขอพรในเว็บไซต์ http://www.marinabaycountdown.sg ระหว่างวันที่ 26 – 31 ธันวาคม ซึ่งคำขอและชื่อของเราก็จะไปอยู่บนโปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่อลังการสุดๆ ที่ตึกโรงแรม The Fullerton Hotel Singapore เป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่น่าลองสักครั้งในชีวิตนะคะ แถมเวลาที่นี่ก็เร็วไทยแค่ชั่วโมงเดียว อาจจะได้ฉลองเร็วกว่าเพื่อนสักหน่อย ราคา ตั๋วเครื่องบินช่วงปีใหม่เริ่มต้นที่ 3,958 บาท การเดินทาง : รถไฟ MRT – ลงที่สถานี Bayfront Station ทางออก C หรือ … Continued
สุราษฎร์ธานี นอกจากจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองร้อยเกาะ ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่งดงามและน่าสนใจแล้ว ก็ยังขึ้นชื่อว่ามีจุดดำน้ำที่สวยงามที่สุด จนใครก็อยากจะแวะไปเที่ยวชม โดยในบทความนี้ก็ได้รวบรวม 5 จุดดำน้ำยอดฮิตในจังหวัดสุราษฎร์มาแนะนำกัน ซึ่งจะมีที่ไหนบ้าง และมีความน่าสนใจขนาดไหน สามารถไปชมรายละเอียดได้ดังต่อไปนี้ 1. เกาะนางยวน จุดดำน้ำชมปะการัง ที่เหมาะกับคนที่พึ่งฝึกดำน้ำใหม่ๆ เป็นที่สุด เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีกระแสลมที่รุนแรงมากนัก จึงทำให้น้ำนิ่งสงบไม่มีคลื่นมากวนใจ และด้วยความลึกเพียงแค่ 20-30 ฟุตเท่านั้น จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการฝึกดำน้ำอย่างแน่นอน สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ใครก็อยากมาดำน้ำที่เกาะนางยวน คือ น้ำทะเลใสสะอาด ทำให้มองเห็นธรรมชาติใต้น้ำได้อย่างงดงาม โดยเฉพาะเมื่อดำน้ำลงไป จะพบกับความงามแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน มีปะการังที่สวยงดงาม พร้อมด้วยฝูงปลาหลากหลายชนิด ซึ่งใครที่มีกล้องถ่ายรูปแบบกันน้ำได้ ก็อย่าพลาดที่จะถ่ายรูปปะการังใต้น้ำกลับไปด้วย นอกจากจุดดำน้ำที่น่าสนใจแล้ว ก็ยังมีจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลได้อย่างสวยงาม พร้อมด้วยจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ที่จะทำให้คุณรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ที่ตั้ง : เกาะนางยวนอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเต่า อำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2. หินไบ จุดดำน้ำยอดนิยมที่อยู่ระหว่างเกาะเต่ากับเกาะพงัน โดยมีลักษณะเป็นภูเขาหินใต้น้ำที่มีความงดงามและโดดเด่น ทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าปะการังและต้นไม้ใต้น้ำบางชนิดที่มีสีสันสะดุดตาอีกด้วย ซึ่งจุดเด่นของเกาะหินไบก็มีดังนี้ เป็นจุดรวมของฝูงปลาที่มีความหนาแน่นที่สุด โดยเฉพาะกระเบนราหู ปลากะพง และปลาอีกหลายชนิด ซึ่งใครที่ชอบชมและเก็บภาพฝูงปลาสวยๆ ก็ห้ามพลาดที่จะว่าดำน้ำที่นี่เด็ดขาด ดูลึกลับและน่าค้นหากับฝูงปลาที่เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในซากเรืออัปปาง โดยเป็นภาพที่หาชมได้ยากมาก โดดเด่นด้วยปะการังนานาชนิด ซึ่งที่หินไบก็ขึ้นชื่อในเรื่องของปะการังที่สวยงามสะดุดตาเป็นที่สุด ที่ตั้ง : หินไบตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพงัน … Continued
สำหรับคนที่มักจะเดินทางไปท่องเที่ยวและพักแรมตามโรงแรมหรือรีสอร์ทบ่อยๆ จำเป็นที่จะต้องรู้เกี่ยวกับขั้นตอนในการเข้าพักอย่างละเอียด รวมถึงสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ และข้อควรระวังต่างๆ ในการเข้าพัก ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมานั่นเอง โดยมีรายละเอียดที่จะต้องรู้และทำความเข้าใจดังนี้ ขั้นตอนในการเข้าพักโรงแรมและรีสอร์ท ขั้นตอนในการเข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ท มีขั้นตอนที่สำคัญดังต่อไปนี้ 1. การจองห้องพัก เริ่มต้นจากการจองห้องพักก่อน โดยสามารถจองได้สองวิธี คือ การจองห้องพักโดยตรงผ่านทางโทรศัพท์หรือไปจองที่โรงแรม และการจองผ่านทางเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการรับจองนั่นเอง ซึ่งก็มีวิธีการจองดังนี้ การจองโดยตรง ให้โทรศัพท์ไปยังโรงแรมหรือรีสอร์ท พร้อมแจ้งรายละเอียดที่สำคัญให้ชัดเจน เช่น เข้าพักกี่คน ต้องการห้องพักแบบไหน อยากได้บริการเสริมอะไรบ้าง วันที่เช็คอิน ข้อมูลการติดต่อ และอื่นๆ ที่ทางพนักงานสอบถาม ส่วนใครที่สะดวกเดินทางไปโรงแรมหรือรีสอร์ทโดยตรง ก็สามารถไปจองกับทางโรงแรมได้เลย ซึ่งก็มีข้อดีตรงที่สามารถดูห้องจริงได้ด้วย การจองผ่านเว็บไซต์รับจอง โดยในปัจจุบันก็มีเว็บไซต์ที่เปิดให้จองห้องพักเป็นจำนวนมาก สามารถจองผ่านเว็บไซต์เหล่านั้นได้เลย แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูด้วยว่าเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน เพราะอาจเจอกับเว็บไซต์ที่เป็นพวกมิจฉาชีพได้นั่นเอง 2. การเช็คอิน เมื่อถึงวันเข้าพัก ให้เข้าไปที่ประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งชื่อที่ได้ทำการจองห้องพักเอาไว้ พร้อมกับยื่นบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต เพื่อให้พนักงานตรวจเช็คข้อมูลและกรอกรายละเอียดของผู้เข้าพักลงไปในระบบของโรงแรม รวมถึงเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่เพื่อให้ติดต่อง่ายขึ้น นอกจากนี้ทางโรงแรมก็อาจจะขอเงินประกันเพิ่มเติม เพื่อป้องกันห้องพักเสียหาย ซึ่งจะเป็นจำนวนเงินมากน้อยเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงแรมด้วย 3. การเช็กเอาท์ สำหรับการเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมที่พัก จะต้องเช็กเอาท์ให้ตรงตามเวลาที่กำหนดไว้ เพราะหากเกินเวลาก็อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้นควรเช็คเวลาที่ต้องเช็กเอาท์ให้ดี และที่สำคัญต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าข้าวของให้เรียบร้อยก่อนถึงเวลาเช็กเอาท์ด้วย จะได้ไม่ลืมของเอาไว้นั่นเอง สิ่งที่ควรทำเมื่อเข้าพัก … Continued
การพายเรือคายัค เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยว ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งด้วยกัน โดยเฉพาะแพที่พักบนเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่เปิดให้บริการพายเรือคายัค ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือเพื่อพักผ่อนชมวิวเพลินๆ หรือการพายเรือล่องแก่งก็ตาม แต่ทั้งนี้การจะพายเรือคายัคให้สนุกและคุ้มค่าที่สุดก็ต้องมีเทคนิคกันหน่อย พร้อมด้วยข้อควรระวังที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนเริ่มพายจริง นั่นก็เพื่อความปลอดภัยจากการพายเรือคายัคนั่นเอง ประเภทของเรือคายัค สำหรับประเภทของเรือคายัค ก็จะมี 2 แบบด้วยกัน และมีความเหมาะสมของการใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งได้แก่ 1. เรือคายัคแบบ Sit-inside เรือคายัคประเภทนี้จะเป็นแบบดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยเริ่มแรก โดยผู้พายจะต้องสอดตัวเข้าไปในเรือคายัค ซึ่งจะมีผ้าคลุมปิดอย่างดี เพื่อไม่ให้น้ำเข้ามาในเรือได้ แต่ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก แม้จะมีให้เลือกทั้งแบบล่องแก่งและแบบท่องเที่ยวเพื่อความเพลิดเพลินก็ตาม เพราะมีความยุ่งยากตรงที่ต้องสอดตัวเข้าในเรือนั่นเอง 2. เรือคายัคแบบ Sit-on-top เรือคายัคประเภทนี้ได้มีการพัฒนามาจากแบบแรก ทำให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกกว่าเดิม เพราะไม่ต้องสอดตัวเข้าไปในเรือเหมือนกับเรือแบบแรก โดยเรือประเภทนี้ ตัวเรือจะถูกปิดหมดเพื่อป้องกันน้ำเข้าเรือ ส่วนผู้พายก็จะนั่งอยู่ด้านบนของเรือนั่นเอง นอกจากนี้ก็จะมีรูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่กระเซ็นเข้ามาระบายออกไปได้ จึงไม่ทำให้เรือจม เทคนิคและวิธีการพายเรือคายัค การพายเรือคายัค จะต้องมีเทคนิคเพื่อให้การพายเรือเป็นเรื่องง่ายและสนุกมากขึ้น โดยมีเทคนิคและวิธีการพายเรือดังนี้ 1. ผู้พายต้องนั่งเหยียดขาไปกับพื้นเรือ เพื่อให้การพายเรือเป็นไปอย่างง่ายดายและเรือเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น ผู้พายจะต้องนั่งเหยียดขาราบไปกับพื้นเรือ แล้วใช้ไม้พายพายเรือสลับซ้ายขวาไปเรื่อยๆ ซึ่งการพายแบบนี้จะทำให้เกิดแรงส่งที่ทำให้เรือสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เร็วกว่าเดิม แต่หากต้องการพายเรือถอยหลัง ก็ให้จุ่มไม้พายด้านใดด้านหนึ่งไปข้างหลัง แล้วผลักพายไปข้างหน้า โดยทำสลับกันซ้ายขวาเช่นกัน แต่จะต้องใช้การบิดเอวและลำตัว เพื่อให้พายง่ายขึ้นด้วย 2. จุ่มไม้พายด้านหนึ่งลงในน้ำเพื่อเบรก เมื่อต้องการเบรกหรือชะลอความเร็วของเรือคายัค ให้ผู้พายจุ่มไม้พายด้านใดด้านหนึ่งลงในน้ำ … Continued
คงปฎิเสธไม่ได้ว่า ประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือที่เรียกกันว่า ฮอลแลนด์ นั้น เป็นอีกหนึ่งประเทศในฝันของนักท่องเที่ยวหลายคนทั่วโลก เพราะเป็นประเทศที่มีอากาศดี ไม่มีมลพิษกวนใจ เหมาะที่จะไปท่องเที่ยวและพักผ่อนใช้ชีวิตแบบสงบเรียบง่ายได้อย่างเต็มที่ และวันนี้เราก็จะพาเพื่อนๆไปรู้จักหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีชื่อเสียง ได้รับฉายาว่าเป็น “เวนิสแห่งเนเธอร์แลนด์” หรือ หมู่บ้านกีธูร์น (Giethoorn) หมู่บ้านไร้ถนนนั่นเอง ว่าแล้วก็ไปเที่ยวเนเธอร์แลนด์ ที่หมู่บ้านกลางคันคลองที่อากาศดีสุดๆ กันเลย! หมู่บ้านไร้ถนน เนเธอร์แลนด์ เป็นชื่อเรียกของ หมู่บ้านกีธูร์น (Giethoorn) หมู่บ้านเล็กๆ ของชาวดัตช์ในเมืองกีธูร์น ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ด้านขวามือของเขตสงวนทางธรรมชาติ De Wieden และได้รับฉายาว่าเป็น เวนิสแห่งเนเธอร์แลนด์ นั่นก็เพราะว่าหมู่บ้านแห่งนี้ “ไม่มีถนน” มีเพียงแต่คลองที่ใช้สัญจรไปมารอบหมู่บ้าน การเดินทางหลักๆ โดยเรือ และทางเท้าเล็กๆ ลัดเลาะรอบคูคลองที่ให้คนเดิน หรือจักรยานผ่านได้เท่านั้น โดยระยะทางรอบหมู่บ้านราวๆ 7.5 กิโลเมตร และตลอดระยะทางจะมีสะพานเล็กๆ เชื่อมต่อระหว่างสองฝั่งคลองถึง 180 สะพานด้วยกัน สำหรับความเป็นมาของหมู่บ้านกีธูร์นนั้น มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า ถูกค้นพบโดยชาวเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อปี ค.ศ. 1230 ตอนนั้นมีซากเขาแพะกองอยู่เต็มไปหมด เขาก็เลยตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “กีธูร์น” ที่แปลตรงตัวว่า “เขาแพะ” นั่นเอง ซึ่งในเวลาต่อๆ มาก็มีการใช้พื้นที่บริเวณหมู่บ้านกีธูร์นแห่งนี้เป็นเหมืองขุดถ่านหินเลน รูที่ถูกขุดกลายเป็นทางให้น้ำไหลเข้ามา เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนส่งถ่านหินเลนในอดีต และกลายมาเป็นหมู่บ้านไร้ถนนที่ปลอดมลพิษ เป็นที่พักตากอากาศและสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในปัจจุบัน ถ้าจะว่ากันตามจริง หมู่บ้านกีธูร์น เริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวหลังภาพยนตร์คอมเมดี้เรื่อง Fanfare ของผู้กำกับชาวดัตช์ … Continued
ต้องบอกก่อนว่ามิวเซียมที่เกาหลีใต้นั้นมีเยอะมากกกกกกกก แถมยังมีหลากหลายรูปแบบ น่าสนใจมากเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้เราก็เลยหยิบเอา พิพิธภัณฑ์ของกิน มาฝากกัน ใครชอบอาหารเกาหลีต้องอินและต้องชอบมากๆ อย่างแน่นอน จะมีที่ไหนบ้าง ตามมาส่องกันเลย พิพิธภัณฑ์แป้งต็อก Tteok Museum “แป้งต็อก” เป็นอาหารที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมของชาวเกาหลีมาอย่างยาวนาน สามารถทำได้ทั้งของคาว ของหวาน หลากหลายเมนู เป็นเมนูที่กินง่าย กินได้ทุกเพศทุกวัย แถมยังเก็บไว้ได้นาน ถ้ามาที่นี่แล้วล่ะก็นอกจากจะได้รู้จักความเป็นมาของแป้งต็อก แล้วยังได้เห็นหน้าตาของแป้งต็อกแต่ละยุคแต่ละสมัย มีการสาธิตการทำแป้งต็อก ใครอยากชิมก็มีร้านอาหารที่นำแป้งต็อกมาสร้างสรรค์เป็นเมนูต่างๆ ให้กินกันสดๆ ด้วยล่ะ พิพิธภัณฑ์กิมจิ Kimchi Museum อาหารประจำชาติเกาหลียอดฮิต ที่หลายคนชื่นชอบอย่าง “กิมจิ” ก็มีพิพิธภัณฑ์ด้วยนะ ซึ่งที่นี่ได้จัดแสดงประวัติความเป็นมากว่าจะมาเป็นกิมจิ ที่มีหลายรูปแบบมาก รวมไปถึงวัตถุดิบที่ใช้ทำ ภาชนะที่ใช้หมัก เดินเสร็จแล้วเพิ่มความอยากกินกิมจิของคุณอย่างแน่นอน พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต Chocolate Museum เอาใจสายหวานกันบ้างกับพิพิธภัณฑ์ “ช็อกโกแลต” ที่มีขนาดใหญ่เป็นที่สองของโลก แน่นอนว่าด้านในจะมีการจัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของช็อกโกแลต ความรู้เกี่ยวกับการปลูกช็อกโกแลต ความแตกต่างของช็อกโกแลตแต่ละแบบ มีโซนโรงงานช็อกโกแลตที่ผลิตให้ได้ดูกันแบบใกล้ชิด ถ้ายังไม่จุใจก็สามารถทำเวิร์คช็อปสนุกๆ เรียนรู้วิธีทำช็อกโกแลตได้อีกด้วยนะ พิพิธภัณฑ์เหล้า Good Day Museum ถูกใจสายดริ๊งค์อย่างแน่นอนกับพิพิธภัณฑ์ “เหล้า” ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์ชนิดไหน ที่นี่ก็มีมาจัดแสดงกว่า 3,000 ชนิดจากทั่วทุกมุมโลก … Continued
เซี่ยงไฮ้ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสีสันที่ไม่เคยหลับใหล ด้วยความที่เป็นเมืองขนาดใหญ่ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า แฟชั่นและการท่องเที่ยว ทำให้เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในประเทศจีนเลยก็ว่าได้ เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของจีนยุคใหม่อีกด้วย แม้วันเวลาจะผ่านไป เซี่ยงไฮ้ ก็ยังคงเสน่ห์ความงดงามของการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมเก่า อาคารบ้านเมืองสไตล์ยุโรป ความทันสมัยต่างๆ ที่คุณคาดไม่ถึงรวมอยู่ด้วย วันนี้ govivigo จะพาคุณไปชม 7 ที่เที่ยวเมืองเซี่ยงไฮ้ ยุโรปตะวันออก ในมุมมองใหม่ที่เจ๋งกว่าเดิม ไปชมกันเลย 1. ซินเทียนตี้ (Xin Tian Di) ซินเทียนตี้ เป็นย่านกินและดื่มของเซี่ยงไฮ้ ซึ่งร้านอาหารในย่านนี้ล้วนแต่เป็นอาคารสถาปัตยกรรมแบบชิคูเมน ซึ่งเป็นอาคารที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันตกกับจีนเข้าด้วยกัน อาหารที่ขายในย่านนี้มีความหลากหลาย ตั้งแต่ร้านคาเฟ่จนถึงร้านอาหารนานาชาติ เช่น อาหารยุโรป อาหารญี่ปุ่น อาหารฝรั่งเศส รวมถึงอาหารจีนสไตล์ฟิวชั่นให้คุณได้เลือกทาน ย่านซินเทียนตี้ยังเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองเซี่ยงไฮ้อีกด้วย 2. จูเจียเจี่ยว (Zhu Jia Jiao) เมืองโบราณริมน้ำ จูเจียเจี่ยว เป็นสถานที่เที่ยวห้ามพลาดอีกแห่งในเซี่ยงไฮ้ เพราะเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,700 ปี และถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี หากใครอยากชมบรรยากาศของเมืองแบบชิลๆ ที่นี่ก็มีบริการเรือนำเที่ยวพาชมรอบเมือง หรือใครอยากได้มุมถ่ายรูปเก๋ๆ ไม่ควรพลาดบริเวณสะพาน Fang Sheng Bridge … Continued