เที่ยว 6 ประเทศ ชมแสง Aurora สุดฟิน
แสง Aurora Iceland – ประเทศไอซ์แลนด์
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “แสงเหนือไอซ์แลนด์” มาก่อน เพราะไอซ์แลนด์เป็นประเทศตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่เหล่านักล่าแสงเหนือหรือแสงออโรร่าไม่ควรพลาด ประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและไร้มลพิษแห่งนี้ เป็นเสมือนจุดยุทธศาสตร์ในการชมแสงเหนือคุณสามารถเห็นแสงเหนือไอซ์แลนด์ได้โดยไม่ต้องขับรถไปไกลจากเมืองหลวง Reykjavik หรือใครเลือกที่จะอยู่ชมแสงเหนือในตัวเมืองก็เป็นไปได้ แต่จะไม่ชัดมากนัก นอกจากเมืองหลวง Reykjavik แล้ว ทางตะวันตกของประเทศบริเวณภูเขา Kirkjufell ซึ่งห่างจากตัวเมืองหลวงประมาณ 2 -3 ชั่วโมง ทางตอนเหนือของประเทศบริเวณ Westfjords และทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์บริเวณ JökulsárlönGlacier Lagoon ซึ่งห่างจากตัวเมืองหลวงใช้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง ก็ถือเป็นจุดชมแสงเหนือที่สวยงามอีกด้วย แต่จริง ๆ แล้วไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่คุณจะมีโอกาสเห็นแสงเหนือได้จากในทุก ๆ ที่ถ้าสภาพอากาศและค่า Auroral Activity อยู่ในเกณฑ์ที่ดีแสง Aurora Sweden – ประเทศสวีเดน
ประเทศสวีเดนเป็นอีกหนึ่งประเทศจุดหมายปลายทางสำหรับนักล่าแสงเหนือทางตอนเหนือสุดของประเทศ หรือ Lapland ของประเทศสวีเดนนั้น เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการชมแสงเหนือหรือแสงออโรร่าแบบตระการตา โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ ธารน้ำแข็ง และทะเลสาบที่สวยงาม สถานที่สำหรับชมแสงเหนือที่มีชื่อเสียงของประเทศสวีเดนมีอยู่หลายที่ด้วยกัน เช่น Aurora Sky Station สถานีชมแสงเหนือในอุทยานแห่งชาติอบิสโก Abisko National Park ที่นี่คุณจะต้องขึ้นกระเช้าไปยังตัวสถานีด้านบนภูเขา Abisko National Park มีความโดดเด่นในเรื่องท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้มากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมี หมู่บ้าน Porjus หมู่บ้านริมทะเลสาบ Stoma Lulevatten และ หุบเขา Torne ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมน้ำแข็ง Ice Hotel ที่มีชื่อเสียงไว้เป็นตัวเลือกในการชมแสงเหนือที่มีชื่อเสียงอีกด้วยแสง Aurora Norway – ประเทศนอร์เวย์
ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของสวีเดน ที่เป็นจุดชมแสงเหนืออันสวยงามไม่แพ้กัน บริเวณทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ หรือ Lapland เป็นพื้นที่ยอดนิยมในการเดินทางไปชมแสงเหนือ สถานที่ยอดนิยมจะอยู่ที่เมืองทรอมโซ Tromsøเมืองท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ตรงกลางของวงแหวนออโรร่า ( Aurora Oval ) บวกกับอากาศที่ดี ไร้มลพิษทำให้มีโอกาสที่จะได้เห็นแสงเหนือค่อนข้างสูงนอกจากเมืองทรอมโซแล้ว อีกที่หนึ่งที่นักล่าแสงเหนือไม่ควรพลาดก็คือ Lofoten Islands หมู่บ้านสวย ๆ ล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเล นอกจากจะเป็นจุดชมแสงเหนือแบบเอกซ์คลูซีฟแล้ว ยังมีฉากหลังเป็นหมู่บ้านสวย ๆ อีกด้วยแสง Aurora Finland – ประเทศฟินแลนด์
อีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดสำหรับนักล่าแสงเหนือตอนเหนือของประเทศฟินแลนด์หรือ Lapland เป็นสถานที่ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้สูง จุดชมแสงเหนือยอดนิยมของ Lapland ได้แก่ Sodankylä สถานที่ตั้งของ Finland’s National Observatory of Northern Lights ทะเลสาบ Inari หรือ Inari Lake ทะเลสาบขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สามของฟินแลนด์ก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่ต้องปักหมุด รวมถึงอุทยานแห่งชาติ Luosto และ Oulanka ก็เป็นอีกสถานที่ที่ไร้แสงอื่น ๆ รบกวน ทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้แบบฟิน ๆ มากขึ้นแสง Aurora Russia – ประเทศรัสเซีย
ประเทศหนึ่งเดียวที่เราสามารถไปดูแสงเหนือได้แบบไม่ต้องขอวีซ่าคือประเทศรัสเซีย และแสงเหนือที่นี่ก็สวยงามตระการตาไม่แพ้ที่ไหน ๆ เลยล่ะค่ะ เมืองที่เป็นสถานที่ยอดนิยมคือ Murmansk เมืองทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นเหมือนประตูสู่การชมแสงเหนือของประเทศรัสเซีย นอกจากจะได้ชมแสงเหนือที่สวยงามแล้ว ยังจะได้สัมผัสวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวเมืองรัสเซียที่นี่อีกด้วย
จาก Murmansk ไปทางใต้จะมีเมืองที่เรียกว่า Severodvinsk ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณสามารถเห็นแสงเหนือได้ชนิดที่คนพื้นเมืองบอกว่าไม่ต้องขับรถออกจากตัวเมืองเลยทีเดียว ใครอยากไปชมแสงเหนือแบบฟิน ๆ ง่าย ๆ ไม่ต้องขอวีซ่า ก็ต้องที่รัสเซียนี่ล่ะค่ะแสง Aurora Australia – ประเทศออสเตรเลีย
นอกจากปรากฎการณ์แสงเหนือแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปรากฎการณ์ที่คล้าย ๆ กันคือแสงใต้ หรือ Aurora Australia ซึ่งจะปรากฏขึ้นที่ Tasmania รัฐทางตอนใต้ของออสเตรเลียอีกด้วย แสงใต้ที่นี่จะเห็นได้ตลอดปี ถ้าท้องฟ้าปลอดโปร่ง และมีค่า Aurora Activity ที่สูง โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายนมักจะเป็นเดือนที่สังเกตเห็นแสงใต้ในรัฐ Tasmania ประเทศออสเตรเลียได้สวยงามและชัดเจนที่สุดจากทุกมุมเลยทีเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจนะคะ เพราะการเดินทางจากประเทศไทยไปรัฐ Tasmania ก็สะดวกสบาย สามารถนั่งเครื่องบินไปลงที่ Hobart International Airport ได้เลยแหล่งที่มา : https://travelblog.expedia.co.th