1. เขื่อนมารีน่า บาร์ราจ (Marina Barrage)
. เขื่อนมารีน่า บาร์ราจ (Marina Barrage) ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำของร่องน้ำมารีน่า (Marina Channel) เป็นอีกหนึ่งพื้นที่สร้างสรรค์ความรู้และทำกิจกรรมที่สนุกสนานของชาวสิงคโปร์ กลายเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ในสิงคโปร์ค่อนข้างมาก เพราะบริเวณริมเขื่อนมีการจัดทำพื้นที่ไว้รองรับการทำกิจกรรมต่าง ๆ อีกทั้งยังออกแบบในรูปแบบที่ทันสมัย ซึ่งสามารถใช้งานได้จริง อย่างในเขื่อนที่มีน้ำเต็มตลอดปี ก็สามารถที่จะเล่นกีฬาทางน้ำได้อย่างดี หรืออย่างสวนสีเขียวบนดาดฟ้าริมเขื่อนก็กลายเป็นพื้นที่ออกกำลังกาย นั่งปิกนิกชมวิวอ่าวมารีน่าได้แบบสวยสุด ๆ และยังเหมาะแก่การเล่นว่าวอีกด้วย นอกจากนี้อย่าลืมเดินไปเที่ยวชมบริเวณริมอ่าวมารีน่าด้านนอก ซึ่งจะมีทางเดินและสวนสวย ๆ ให้ได้เดินเล่นพักผ่อนในบรรยากาศสุดชิล2. ย่านคลาร์กคีย์ (Clarke Quay)
. ย่านคลาร์กคีย์ ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองของสิงคโปร์ เป็นย่านท่าเรือเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก เพราะที่นี่มีร้านค้า ร้านอาหาร พร้อมทั้งคลับบาร์ริมแม่น้ำสิงคโปร์เปิดให้บริการมากมาย อีกทั้งยังคงมีสถาปัตยกรรมสไตล์โคโรเนียลเก่าแก่ ให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายน่านั่งพักผ่อน โดยเฉพาะยามเย็น ที่นี่จะสวยงามไปด้วยแสงไฟ และคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย3. Nanyang Technological University
. Nanyang Technological University เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศสิงคโปร์ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องวิศวกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจและทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวก็คือ สถาปัตยกรรมอาคารที่สวยงามแปลกตา โดยเฉพาะตึกเข่งติ่มซำ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเข่งติ่มซำซ้อนกันขึ้นไป เป็นพื้นที่การเรียนรู้สุดเจ๋งของนักศึกษา บอกเลยว่าน่าไปถ่ายรูปเซลฟี่สุด ๆ นอกจากนี้ภายในมหาวิทยาลัยก็ยังมีอาคารเก๋ ๆ ให้เดินเที่ยวชมอีกมากมาย4. ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์
ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ ตั้งอยู่บนเกาะเซนโตซ่า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดของสิงคโปร์เลยก็ว่าได้ เป็นสวนสนุกที่รวบรวมทุกความสนุกไว้ได้อย่างครบรส เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องเล่นและแหล่งเรียนรู้มากมาย ปัจจุบันมีโซนความสนุกมากถึง 7 โซนด้วยกัน ได้แก่ Hollywood, New York, Sci-Fi City, Ancient Egypt, Lost World, Far Far Away และ Madagascar ไม่เพียงเท่านั้นยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก ฯลฯ ให้บริการอย่างครบครันอีกด้วย5. Marina Bay Sands
ตึกมารีน่า เบย์ แซนด์ เป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของประเทศสิงคโปร์ ด้วยสถาปัตยกรรมของตึกที่คล้ายกับเรือขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบน ซึ่งนอกจากจะมีห้องพักสุดหรูหราให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนแล้ว ที่ด้านบนสุดของอาคารมารีน่า เบย์ แซนด์ ยังเป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำลอยฟ้าแบบอินฟินิตี้ไร้ขอบสระ ขนาด 150 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของตึกต่าง ๆ บริเวณอ่าวมารีน่าได้อย่างสวยงาม ไม่เพียงเท่านั้นด้านหนึ่งของดาดฟ้ายังเป็นที่ตั้งของสกายปาร์คอันเป็นจุดชมวิวสิงคโปร์มุมสูงที่สวยที่สุดของสิงคโปร์ ยิ่งยามค่ำคืนบรรยากาศด้านบนนี้จะสวยมากขึ้น เพราะแสงไฟจากตึกต่าง ๆ รอบอ่าวจะส่องประกายแสงระยิบระยับ โรแมนติกและฟินขั้นสุดเลยล่ะ บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว Marina Bay Sands SkyPark ในส่วนของจุดชมวิวเปิดให้บริการทุกวัน วันจันทร์-พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 09.30-22.00 น. และวันศุกร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.30-23.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 23 เหรียญสิงคโปร์ ผู้สูงอายุ 25 เหรียญสิงคโปร์ เด็กอายุ 2-12 ปี ราคา 17 เหรียญสิงคโปร์6. การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ (Gardens by the Bay)
การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ เป็นสวนพฤกษศาสตร์ริมอ่าวมารีน่า ซึ่งมีการออกแบบอย่างโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ที่ต้องมาเช็กอินกันให้ได้ ที่นี่มีพื้นที่ทั้งหมดราว ๆ 101 เฮกตาร์ ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ รวมทั้งอาคารเรือนกระจกสำหรับปลูกต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ แบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ Bay South Garden และ Bay East Garden โดยในโซน Bay South Garden จะเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้มากมาย ซูเปอร์ทรี (Supertrees) ก็อยู่ในโซนนี้เช่นกัน ซึ่งจะมีทางเดินลอยฟ้าให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมสวนในมุมสูงด้วย ส่วนทางด้าน Bay East Garden จะเป็นสวนหญ้าเขียวชอุ่มพร้อมทั้งสวนปาล์มตกแต่ง7. เมอร์ไลออน (Merlion)
เมอร์ไลออน (Merlion) สัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ มีลักษณะเป็นรูปปั้นสิงโตทะเลพ่นน้ำ สูงประมาณ 8.6 เมตร และหนัก 70 ตัน ตั้งอยู่ริมอ่าวมารีน่า ช่วงปากแม่น้ำสิงคโปร์ บริเวณสวนสิงโตทะเล (Merlion Park) ข้างสะพานเอสพลานาด (Esplanade Bridge) ด้านหน้าของโรงแรมฟูลเลอร์ตัน (Fullerton Hotel) ซึ่งจากจุดนี้สามารถชมวิวตึกมารีน่า เบย์ แซนด์, สิงคโปร์ ฟลายเออร์ และตึกสูงระฟ้าริมอ่าวมารีน่าได้อย่างสวยงามอีกด้วย8. สะพานเฮนเดอร์สัน เวฟ (Henderson Waves Bridge)
สะพานเฮนเดอร์สัน เวฟ (Henderson Waves Bridge) เป็นสะพานคนเดินที่สูงที่สุดในสิงคโปร์ ด้วยความสูงเหนือพื้นดินราว ๆ 36 เมตร โดยที่ด้านล่างของสะพานทั้งสองฝั่งจะเป็นสวนสีเขียวขจี ไม่เพียงเท่านั้นสะพานแห่งนี้ยังมีรูปร่างสวยงามแปลกตา โดยลอกเลียนรูปทรงขึ้น-ลงของเกลียวคลื่น มีเส้นทางคดโค้งและบิดไปมาตลอดความยาวทั้งสิ้น 274 เมตร สร้างขึ้นโดยใช้โครงเหล็ก และมีแผ่นไม้บาเลา ซึ่งเป็นไม้ท้องถิ่นหายากมาเสริมและตกแต่งตัวสะพานให้สวยงาม ยามค่ำคืนยังมีแสงไฟ LED ส่องสว่างอย่างเก๋ไก๋ หนุ่มสาวชาวสิงคโปร์จึงชอบที่จะพากันมาเดินเล่น และออกกำลังกายกันที่สะพานแห่งนี้ เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง9. สิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer)
สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับการชมวิวเมืองสิงคโปร์ในมุมสูงแบบ 360 องศากับสิงคโปร์ ฟลายเออร์ ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ที่ตั้งอยู่บริเวณริมอ่าวมารีน่า ซึ่งสูงจากพื้นดินถึง 165 เมตร หรือเทียบเท่ากับตึก 42 ชั้น มีทั้งหมด 28 แคปซูล โดยแต่ละแคปซูลจะเป็นหน้าต่างกระจก ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวได้รอบด้าน ในแต่ละรอบจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถ้าหากใครอยากเพิ่มความพิเศษให้กับคนพิเศษก็สามารถจองดินเนอร์บนชิงช้าสวรรค์นี้ได้อีกด้วย สิงคโปร์ ฟลายเออร์ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-22.30 น. ผู้ใหญ่ ราคา 33 เหรียญสิงคโปร์ เด็ก 21 เหรียญสิงคโปร์10. Helix Bridge
Helix Bridge หรือที่นักท่องเที่ยวมักเรียกกันว่าสะพานเกลียว เป็นสะพานคนเดินที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ ทอดข้ามผ่านอ่าวมารีน่าเชื่อมระหว่าง Marina Bay Center ไปยัง Youth Olympic Park มีลักษณะโครงสร้างเป็นเกลียว ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากโครงสร้างของ DNA ยามค่ำคืนจะมีการเปิดไฟที่ประดับประดาอยู่บนสะพานให้สว่างไสวสวยงาม เหมาะแก่การมาเดินเล่นชมอ่าวและถ่ายรูป11. การแสดงแสง สี เสียง Wonder Full-Light & Water
การแสดงแสง สี เสียง Wonder Full-Light & Water จัดอยู่บริเวณอ่าวมารีน่า ด้านหน้าของโรงแรมมารีน่า เบย์ แซนด์ ซึ่งจะเป็นการแสดงที่สวยงามตระการตา ด้วยการผสมผสานระหว่างน้ำ แสง และเสียง เล่าเรื่องราวต่าง ๆ จะใช้เวลาแสดงประมาณ 15 นาที บริเวณที่สามารถชมการแสดงได้ดีที่สุดจะอยู่ฝั่งมารีน่า เบย์ แซนด์ หรือที่นักท่องเที่ยวเรียกว่า ลานพรอมมานาด แต่ถ้าใครอยากเห็นการแสดงแสงบนยอดตึกมารีน่า เบย์ แซนด์ด้วย ให้ไปนั่งชมที่ฝั่งเมอร์ไลออน การแสดงแสง สี เสียง Wonder Full-Light & Water จัดการแสดงทุกวัน โดยวันอาทิตย์-พฤหัสบดี จะมีการแสดง 2 รอบ คือ 20.00 น. และ 21.00 น. ส่วนวันศุกร์-เสาร์ จะมีการแสดง 3 รอบ คือ 20.00 น., 21.00 น. และ 22.00 น. เข้าชมฟรี12. วัดพระเขี้ยวแก้วและพิพิธภัณฑ์ (Buddha Tooth Relic Temple and Museum)
วัดพระเขี้ยวแก้ว ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับไชน่าทาวน์ เป็นวัดจีนในศาสนาพุทธ นิกายมหายาน มีสถาปัตยกรรมของอาคารที่โดดเด่น ด้วยการสร้างตามแบบสมัยราชวงศ์ถัง มีทั้งหมด 5 ชั้น ผู้ออกแบบคือ พระอาจารย์ Shi Fa Zhao ใช้งบประมาณก่อสร้างไปทั้งสิ้น 75 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ สิ่งสำคัญของวัดแห่งนี้นอกจากสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าแล้ว ภายในก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้วจะประดิษฐานอยู่ในสถูปใหญ่ โดยมีน้ำหนัก 3,500 กิโลกรัม ทำจากทองแท้หนัก 320 กิโลกรัม โดยทองคำ 234 กิโลกรัม ในจำนวนนี้ได้มาจากการบริจาคโดยผู้มีจิตศรัทธา นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมวัดพระเขี้ยวแก้วได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น.13. ตรอก Haji Lane
ตรอก Haji Lane เป็นซอยเล็ก ๆ สไตล์ชิค ๆ ที่วัยรุ่นชาวสิงคโปร์ชื่นชอบที่จะมาเดินเที่ยวกัน ภายในซอยจะเป็นบ้านเรือนเก่าแก่สไตล์ Peranakan แต่งแต้มด้วยผลงานสตรีทอาร์ต และมีการรีโนเวทใหม่ให้ทันสมัยขึ้น กลายเป็นร้านกาแฟและร้านอาหารเก๋ ๆ บรรยากาศสบาย ๆ เหมาะแก่การมาเดินเที่ยวเล่นในวันหยุดว่าง ๆ มีมุมให้ถ่ายรูปเซลฟี่มากมาย อยากจะเป็นฮิปสเตอร์แห่งสิงคโปร์ บอกเลยว่าต้องไม่พลาดที่นี่14. โรงแรมฟูลเลอร์ตัน (Fullerton Hotel)
โรงแรมฟูลเลอร์ตัน เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่มีอายุความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1928 ความพิเศษของโรงแรมแห่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การตกแต่งและการบริการที่หรูหราเท่านั้น แต่ยังมีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก (Neoclassic) อันโดดเด่นอีกด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปเดินถ่ายรูปและเที่ยวชมได้ทุกวัน นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังมีสะพาน Cavenagh และสะพาน Anderson ซึ่งมีสถาปัตยกรรมในรูปแบบคล้ายคลึงกัน ทอดข้ามผ่านแม่น้ำสิงคโปร์ ยามค่ำคืนจะมีการเปิดไฟสว่างไสว บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ15. ถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road)
ถนนออร์ชาร์ด เป็นย่านช้อปปิ้งสุดทันสมัยของสิงคโปร์ เป็นแหล่งรวมห้างดังและร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลกมากมาย เต็มไปด้วยอาคารรูปทรงทันสมัย เหมาะสำหรับการมาเดินช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้า บางช่วงจะมีการลดราคาแบบกระหน่ำ ต้องคอยเช็กโปรโมชั่นดี ๆ ค่ะ และถึงแม้ว่าถนนออร์ชาร์ดจะเป็นย่านที่มีความทันสมัย แต่ก็แตกต่างจากย่านใจกลางเมืองของประเทศอื่น ๆ เพราะตลอดแนวถนนจะเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น เดินเที่ยวชมได้ง่าย16. The Pinnacle@Duxton
สำหรับใครที่ชอบงานสถาปัตยกรรมต้องไม่พลาดไปเที่ยวชม The Pinnacle@Duxton ซึ่งเป็นตึกที่พักอาศัยจุดเจ๋งของชาวสิงคโปร์ ถือได้ว่าเป็นอาคารสำหรับพักอาศัยที่หรูหราและสูงมาก มีทั้งหมด 50 ชั้น โดยด้านบนจะมีสวนลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลกตั้งอยู่ ด้วยความยาวของพื้นที่ราว ๆ 500 เมตร ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิว โดยเสียค่าเข้าชมเพียงแค่ 5 ดอลลาร์สิงคโปร์เท่านั้น17. Singapore City Gallery
Singapore City Gallery สถานที่ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักกับสิงคโปร์มากยิ่งขึ้น เพราะที่นี่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงของสิงคโปร์ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา ผ่านสื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยีสุดทันสมัย ทำให้ผู้เข้าชมสามารถสนุกสนานไปกับการเที่ยวชมที่นี่ อีกทั้งยังได้ความรู้กลับบ้านแบบเต็มเปี่ยมอีกด้วย Singapore City Gallery เปิดให้เข้าเที่ยวชมวันจันทร์-เสาร์ (ปิดวันอาทิตย์) ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. เข้าเที่ยวชมฟรี18. วัดเจ้าแม่กวนอิม (Kwan Im Thong Hood Cho Temple)
วัดเจ้าแม่กวนอิม (Kwan Im Thong Hood Cho Temple) ตั้งอยู่บนถนน Waterloo เป็นอีกหนึ่งวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวสิงคโปร์ให้ความเคารพนับถือค่อนข้างมาก สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1884 ภายในเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งคนท้องถิ่นมักจะมาไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตัวเองและครอบครัว นอกจากนี้บนถนน Waterloo ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงกับวัดเจ้าแม่กวนอิมอีกเพียบ อาทิ Church of Saints Peter & Paul, Sri Krishnan Temple และ Maghain Aboth Synagogue เป็นต้น19. ย่าน Tiong bahru
ถ้าอยากเที่ยวชมย่านที่เป็นของคนท้องถิ่นสิงคโปร์จริง ๆ ขอแนะนำให้ลองไปเดินเล่นในย่านเก่าแก่อย่าง Tiong Bahru ที่นี่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยสุดเงียบสงบของคนท้องถิ่น เต็มไปด้วยบ้านเรือนเก่าแก่สไตล์ชิค ๆ มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ที่รีโนเวทใหม่แต่ยังคงสไตล์ดั้งเดิมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ไปลองนั่งเล่นชิล ๆ หรือใครจะมาลองกินอาหารท้องถิ่นใน Tiong bahru Market and Food Centre ก็ดีไม่น้อยเช่นกัน แล้วอย่าลืมแวะชิมขนมปังอร่อย ๆ จากร้าน Tiong Bahru Bakery กันด้วยนะ อร่อยสุด ๆ :)20. สวนนกจูร่ง (Jurong Bird Sanctuary)
สวนนกจูร่ง เป็นสวนนกที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยพื้นที่ทั้งหมดราว ๆ 202,000 ตารางเมตร ซึ่งเต็มไปด้วยนกนานาชนิดมากกว่า 5,000 ตัว รวมกว่า 400 สายพันธุ์ และยังเต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย บรรยากาศร่มรื่นสุด ๆ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกอีกเพียบ ที่นี่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. บัตรเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ราคา 30 ดอลลาร์สิงคโปร์ เด็ก 20 ดอลลาร์สิงคโปร์21. Dempsey Hill
Dempsey Hill มีลักษณะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์เล็ก ๆ ที่ตกแต่งในสไตล์เก่าแก่แต่แฝงไปด้วยความหรูหราและทันสมัย มีร้านอาหารสำหรับดินเนอร์ให้เลือกสรรหลากหลายแบบ อีกทั้งยังมีสปาสุดหรูหรา และคาเฟ่ต์สไตล์เรียบหรูให้บริการอีกด้วย ใครอยากจะพาคนพิเศษมาดินเนอร์ บอกเลยว่าห้ามพลาด Dempsey Hill เด็ดขาด22. สวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์ (Singapore Botanic Gardens)
สวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์ (Singapore Botanic Gardens) เป็นสวนสวยที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1859 มีพื้นที่ทั้งหมดราว ๆ 60 เอเคอร์ ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด มีการจัดตกแต่งให้เป็นสวนสวย เพื่อการมาพักผ่อนของชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยว ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือสวนกล้วยไม้แห่งชาติ มีต้นกล้วยไม้มากกว่า 60,000 ต้นให้ได้ยลโฉม สวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์ เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-24.00 น.23. ไชน่าทาวน์
สิงคโปร์ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีคนจีนอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่อาศัย ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีย่านไชน่าทาวน์ให้ได้ไปเดินเที่ยวชม ซึ่งในย่านนี้จะเป็นแหล่งรวบรวมร้านขายของที่ระลึกราคาไม่แพง รวมไปถึงของฝากมากมาย พร้อมทั้งร้านอาหารจีนอร่อย ๆ ให้ได้เลือกสรรเพียบ และยังถือว่าเป็นย่านที่ชาวแบ็คแพ็กเกอร์ชอบมาพักมากที่สุดอีกหนึ่งย่าน เพราะมีที่พักแบบโฮสเทลเก๋ ๆ ตั้งอยู่ในย่านนี้มากมาย และยังสะดวกต่อการเดินทางอีกด้วย ส่วนถ้าใครไม่ได้อยากช้อปปิ้ง ก็สามารถมาเดินเที่ยวกันได้ เพราะมีตึกสวย ๆ ให้ได้ถ่ายรูปเพียบ24. Fort Canning Park
Fort Canning Park เป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองสิงคโปร์ ซึ่งรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย กลายเป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อนและออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ ไม่เพียงเท่านั้นจากการออกแบบสวนในสไตล์เก๋ ๆ จึงทำให้ Fort Canning Park กลายเป็นสถานที่ถ่ายรูปและเช็กอินสุดชิคที่วัยรุ่นสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดในขณะนี้25. S.E.A. Aquarium
S.E.A. Aquarium ตั้งอยู่บนเกาะเซนโตซ่า เป็นอควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ และยังน่าตื่นตาตื่นใจด้วยสัตว์ทะเลมากกว่า 100,000 ตัว ทั้งหมดราว ๆ 800 สายพันธุ์ มีแท็งก์น้ำกระจกขนาดใหญ่บิ๊กเบิ้ม ให้นักท่องเที่ยวได้ชมสัตว์ทะเลต่าง ๆ แหวกว่ายไปมาในน้ำอย่างอลังการ ซึ่งรวมไปถึงฉลามเสือดาว, ปลากระเบนแมนตา และ Goliath Grouper ที่นี่แบ่งออกเป็นทั้งหมด 10 โซน มีการแสดงสัตว์น้ำในหลากหลายรูปแบบ เป็นสถานที่เปิดโลกกว้างแห่งท้องทะเลที่คุณไม่ควรพลาด26. พิพิธภัณฑ์ศิลป์และศาสตร์ (ArtScience Museum)
พิพิธภัณฑ์ศิลป์และศาสตร์ (ArtScience Museum) ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของมารีน่า เบย์ แซนด์ส เป็นสถานที่จัดงานนิทรรศการทางวิทยาศาสตร์และศิลปะระดับโลกมากมาย โดยจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาจัดนิทรรศการเจ๋ง ๆ ให้ได้ชมกันตลอดทั้งปี โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันสัญลักษณ์ของการโบกมือต้อนรับสู่สิงคโปร์ด้วยนิ้วทั้งสิบ ที่ปลายนิ้วแต่ละนิ้วกรองแสงธรรมชาติเพื่อแสดงให้เห็นว่าการจัดแสดงนิทรรศการภายใต้แสงที่ดีที่สุด มีห้องแสดงภาพมากถึง 21 ห้อง เรียงรายกันไปทั้ง 3 ชั้น นิทรรศการที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดงานหนึ่งก็คือ Future World : Where Art Meets Science นิทรรศการจาก Teamlab ซึ่งจะมีการนำโรปเจ็กเตอร์มาฉายแบบอินเทอร์แอ็กทีฟเป็นภาพต่าง ๆ และไฮไลต์ของนิทรรศการนี้อยู่ที่ Crystal Universe ห้องที่ประดับไปด้วยดวงไฟ LED มากมาย ถ่ายรูปออกมาสวยตระการตาสุด ๆ27. Residence of Tan Teng Niah
Residence of Tan Teng Niah ตั้งอยู่ใกล้กับย่านลิตเติ้ลอินเดีย เป็นบ้านเก่าแก่อายุมากกว่า 100 ปี ของ Tan Teng Niah พ่อค้าชาวจีนที่ร่ำรวยมากในยุคนั้น มีสไลต์แบบโคโลเนียลผสมผสานจีน ปัจจุบันมีการรีโนเวทใหม่ โดยตรงแต่งเพิ่มเติมและทาสีให้มีสีสันสดใส กลายเป็นจุดเช็กอินถ่ายภาพเก๋ ๆ ของเหล่าวัยรุ่นสิงคโปร์ไปแล้28. บันไดหลากสีสัน ณ Mount Faber
Mount Faber เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่มีชื่อเสียงของสิงคโปร์ อยู่ใกล้กับสะพานเฮนเดอร์สัน เวฟ (Henderson Waves Bridge) และสถานีกระเช้าลอยฟ้าที่จะข้ามไปยังเกาะเซนโตซา เป็นยอดเขาสูงเป็นอันดับ 2 ของสิงคโปร์ ซึ่งสามารถมงเห็นวิวสวย ๆ รอบเกาะสิงคโปร์ได้ และบริเวณดดยรอบยังเต็มไปด้วยสวนสวย ๆ ต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย บรรยากาศร่มรื่น มี Bell of Happiness ตั้งอยู่ให้คู่รักได้มาอธิษฐานขอพร และที่ใกล้ ๆ กันยังมีบันไดหลากสีสัน ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ถ่ายภาพเจ๋ง ๆ ของเหล่าวันรุ่นไปแล้วด้วยเช่นกัน29. บันไดวนสีพาสเทล ณ Bugis Village
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบงานด้านสถาปัตยกรรม หรืออยากถ่ายรูปเก๋ ๆ อีกมุมของสิงคโปร์ ก็ต้องไม่พลาดกับ Bugis Village แห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณถนน Victoria St. ตัดกับ Rochor Rd. มีลักษณะอาคารสไตล์โคโลเนียลสีขาว สวยสะดุดตา มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย แต่ไฮไลต์ของที่นี่จะอยู่ที่ด้านหลังของอาคาร กับบันไดวนสีพาสเทลสวยหวาน ถ่ายรูปมุมไหนก็ดูดี เก๋เท่ไม่ซ้ำใครเลยล่ะ30. Chinese Garden
Chinese Garden เป็นสวนสาธารณะทางฝั่ง Jurong East ของสิงคโปร์ มีลักษณะเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจสไตล์จีนโบราณสมัยของราชวงศ์ซ่ง ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสิ่งของตกแต่งแบบจีนทั้งหมด บนพื้นที่กว่า 13.5 เฮคเตอร์ สิ่งที่น่าสนใจก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจดีย์คู่กลางน้ำ สะพาน Bai Hong Qiao สวนบอนไซ พิพิธภัณฑ์เต่าบกและเต่าทะเล เป็นต้น และสำหรับคนที่ชอบงานด้านสถาปัตยกรรม ก็อย่าลืมถ่ายรูปเท่ ๆ กับบันไดวนแบบก้นหอยภายในเจดีย์ด้วยล่ะ เป็นมุมมองที่แปลกแตกต่างไม่น้อยเลยทีเดียว . ทั้งหมดนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสิงคโปร์ที่มีทั้งแบบวัฒนธรรม ศิลปะ และสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ใครไม่อยากพลาดก็จดลิสต์ลงไปในแผนที่เที่ยวสิงคโปร์ได้เลย :)หมายเหตุ : ข้อมูลและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562
ขอขอบคุณข้อมูลจาก visitsingapore.com (TH), visitsingapore.com ( EN), clarkequay.com.sg, gmaxgx5.sg, media.ntu.edu.sg, rwsentosa.com, gardensbythebay.com.sg, singaporeflyer.com, marinabaysands.com, btrts.org.sg, fullertonhotels.com, ura.gov.sg, eresources.nlb.gov.sg,sbg.org.sg, nparks.gov.sg