รวม 15 สถานที่นั่งชมดาวในเมืองไทย
อยากไปนั่งมองดาวกะคนรู้ใจ… อยากไปนั่งเหงาๆ ฟังเพลงเบาๆ… หรืออยากไปนั่งเศร้าๆ เมื่อโดนเท… เรารวบรวมมาให้แล้ว ไปนั่งมองดาวกันเถอะ
1. ดอยเสมอดาว
สถานที่สุดโรแมนติกแห่งเมืองน่าน ที่คนมีคู่ไปได้ คนไร้คู่ไปเที่ยวก็ดี เพราะบางทีอาจจะได้ไปเจอเนื้อคู่ที่นั่นก็ได้ เวลาลมหนาวพัดมาแบบนี้ ยิ่งทำให้ดอยเสมอดาวมีเสน่ห์ ท้องฟ้าไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็จะปลอดโปร่ง มองเห็นสายหมอก ดอกหญ้า และทะเลดาวได้อย่างชัดเจน อากาศเย็น ๆ บรรยากาศเงียบสงบ ได้อยู่กับตัวเองอย่างเต็มที่
บริเวณจุดชมวิวดอยเสมอดาวจะเป็นแนวสันเขายาว เปิดโล่งกว้าง ถ้ามองไปทางด้านหน้าจะพบกับขุนเขามากมาย และสายน้ำแม่น้ำน่าน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกได้จากบริเวณนี้ และยามค่ำคืนก็จะสามารถมองเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า เสมือนกับว่าสามารถเอามือไปเก็บดาวได้เลยทีเดียว นั่นจึงทำให้ที่นี่เหมาะกับคำว่า “ดอยเสมอดาว” ส่วนการชมพระอาทิตย์ตกดินสามารถชมได้จากผาหัวสิงห์ ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
2.ดอยหลวงเชียงดาว
สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ สูงถึง 2,275 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในสมัยโบราณดอยเชียงดาวถูกเรียกว่า “ดอยอ่างสลุง”
ซึ่ง ชาวเชียงใหม่เชื่อกันตามตำนานเมืองเชียงใหม่ว่าเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาพร้อม พระอรหันต์ 8 องค์ทรงลงสรงน้ำในสลุงทองคำหรือบริเวณอ่างสลุงนั่นเอง บางคนเรียกดอยแห่งนี้ว่า “ ดอยหลวง ” เนื่องจากเป็นดอย ที่มีขนาดสูงใหญ่ (“ หลวง ” หมายความว่า “ ใหญ่ ” ) เพี้ยนเป็น“ ดอยหลวงเพียงดาว ” จนกระทั่งกลายมาเป็น “ ดอยหลวงเชียงดาว ” หรือ “ ดอยเชียงดาว ”
3. ทุ่งสามร้อยยอด(บึงบัว)
ยามค่ำคืน ซึ่งเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติตั้งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของที่ทำการอุทยานฯ โดยมีเทือกเขาสูงใหญ่กั้นอยู่ตรงกลาง การเดินทางมายังบึงบัวถ้ามาจากถนนเพชรเกษมเข้าทางซอยโรงเจ ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา บึงบัวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย นักท่องเที่ยวมักจะเลือกเที่ยวที่บึงบัวเป็นอันดับต้นๆ ไม่แพ้ถ้ำพระยานคร แต่สภาพอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ทำให้น้ำแล้ง น้ำที่เหลืออยู่มีความเค็มมากขึ้น บัวที่เคยมีอยู่มากมายที่นี่ก็ตายไปจนหมด ชาวบ้านที่เคยประกอบอาชีพเสริมถ่อเรือเที่ยวบึงบัวก็ต้องหยุดให้บริการ นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ก็ลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด คงเหลือเอาไว้แต่เพียงฐานะของสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของสามร้อยยอด ช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดินจึงเห็นมีคนเข้ามารอชมวิวกัน
4. “จุดชมวิวม่อนสน”
บนดอยอ่างขาง อีกหนึ่งจุดสุดยอดชมวิวทะเลหมอก ชมดาว และนอนกางเต็นท์ ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเย็น เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังดอยอ่างขาง จะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และยังมีลานกลางเต็นท์ พร้อมกับมีห้องน้ำไว้ให้บริการด้วย ตั้งอยู่ใกล้ฐานปฏิบัติการดอยอ่างขาง
ลานกางเต็นท์ดอยอ่างขาง จุดชมวิวม่อนสน อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับฐานทหารดอยอ่างขาง ลานกางเต็นท์แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดกางเต็นท์ ที่นักท่องเที่ยวพากันมานอนในช่วงหน้าหนาว ตื่นมาพบกับทะเลหมอกเบื้องหน้า และชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า กับวิว 360 องศา มีห้องน้ำไว้บริการด้วยนะครับ ผู้หญิงไม่ต้องกลัวว่าจะลำบาก ราคาเช่าเต็นท์ แค่เพียง 225 บาท สำหรับเต็นท์ขนาด 3 คน หรือหากว่ามีเต็นท์มาเอง ก็ค่าเช่าพื้นที่สำหรับกางเต็นท์แค่เพียงคนละ 30 บาทเท่านั้น
5. วัดป่าสว่างบุญ
ตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี สร้างขึ้นในปี 2528 โดยหลวงพ่อสมชายปุญญมโน ในเนื้อที่กว่า400 ไร่ ทางด้าน ในวัดเป็นสถานที่ที่สงบเงียบเหมาะกับการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากพื้นที่ทางด้านหลังติดกับ เชิงเขามีอากาศที่ เย็นสบาย มาก และมีประชาชนเข้าไปปฏิบัติธรรมกันเป็นจำนวนมากในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สิ่งที่โดดเด่นของวัดป่าสว่างบุญ คือ พระมหาเจดีย์ 500 ยอด มีชื่อเต็มว่า “พระมหารัตนโลหะเจดีย์ศรีศาสนโพธิสัตว์สว่างบุญ”
มีเจดีย์องค์ประธานมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เมตร มีทั้งหมด 9 ชั้น มีบริวาร 500 องค์ มีเจดีย์ประธานองค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง และมีองค์เจดีย์รายองค์เล็กตั้งลดหลั่นกันลงมาอยู่รอบๆทิศ โดยมี ซุ้มประตูทางขึ้นทั้งสี่มุมทำเป็นบันไดขึ้นไปยังองค์เจดีย์ที่ตั้งอยู่ทางด้านบน ตัวองค์เจดีย์เป็นปูนปั้นรูปแบบ สวยงามประณีตเคลือบสีทอง ทั้งหมดทุกองค์ผนังด้านในของเจดีย์องค์ประธานประดับกระจกทับทิม โดยรอบสวยงาม มีภาพพระธาตุเจดีย์สำคัญๆ ทั่วประเทศ ไทยประดับไว้ด้านบนภายในองค์เจดีย์ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศเนปาล อินเดีย,ศรีลังกาและสาธารนุชน มาร่วม บรรจุในพระมหาเจดีย์ครบทั้ง 500 ยอด รวมทั้งได้นำพระบรมสารีริกธาตุ และวัตถุมงคล ของมีค่ามาสักการบูชาจำนวนมากบรรจุ อยู่ในพระเจดีย์องค์ประธาน
6. ภูทับเบิก
ตั้งอยู่ที่ตำบลวังบาล จ. เพชรบูรณ์ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของจังหวัด เพชรบูรณ์ ภูมิประเทศมีความงดงามเป็นที่กล่าวถึง เป็นความงามของทะเลภูเขาตามธรรมชาติป่าไม้ อุดมสมบูรณ์ อากาศบริสุทธ์ เย็นสบายตลอดปี ในตอนเช้ามีหมอกและกลุ่มเมฆตัดกับยอดภูสีเขียว มีไร่กะหล่ำปลีที่ปลูกลดหลั่นไปตามไหล่เขา
ภูทับเบิกเป็นสถานที่ ที่มีความสำคัญมากที่หนึ่ง เพราะเป็นจุดรองรับน้ำฟ้ากลางหาว เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2542เวลา 15.59 น. ณ สำนักสงฆ์บ้านทับเบิก เพื่อนำไปรวมเป็นน้ำเพชรน้อมเกล้าถวายเป็นพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ในพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 เป็นสถานที่ที่มีเครื่องวัดอุณหภูมิที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและยังเป็นเส้นทาง เชื่อมโยงสู่แหล่งท่องเที่ยว และประวัติศาสตร์ที่สำคัญ คือ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
7. อุทยานแห่งชาติหาดขนอม
-หมู่เกาะทะเลใต้ คือ หาดที่มีชื่อเสียงของนครศรีธรรมราช โดดเด่นด้วยหาดทรายที่ยื่นยาวออกไป ในทะเลคู่กับทิวสน เกาะมัตโกง และเกาะมัตสุ่มมีหาดทรายยาวกับทิวมะพร้าว มีปะการังสวยงาม อุดมสมบูรณ์ทั้งปะการังจาน ปะการังสมอง และปะการังเขากวาง รอบเกาะ มีชายหาดและน้ำใส เหมาะสมกับกิจกรรมดำน้ำดูปะการังและเล่นน้ำ อ่าวต่างๆ เช่น อ่าวท้องหยี อ่าวท้องยาง อ่าวคอเขา อ่าวหน้าด่าน อ่าวแฝงเภา อ่าวท้องชิง อ่าวในเพลา ซึ่งมีชายหาดที่มีทรายขาว สะอาด น้ำทะเลใส เหมาะสำหรับการเล่นน้ำทะเล นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่โดดเด่นคือ โลมาสีชมพูที่พบได้ง่าย ณ หาดขนอม รวมถึงเกาะนุ้ยนอก เกาะแห่งตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
8. ภูกระดึง
ว่ากันว่า….หากอยากพิสูจน์รักแท้ให้พาคนที่เรารักไปร
่วมพิสูจน์รักด้วยการเดินทา
งพิชิตยอดภูของ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง และถ้าหากเขาคนนั้นสามารถร่
วมเดินทางไปกับคุณจนกระทั่ง
ถึงยอดดอย และคอยช่วยเหลือดูแลกันและก
ันเป็นอย่างดีแล้วละก็ เขาก็คือรักแท้ของเราเป็นแน
่แท้!!!
ภูกระดึง เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่
2 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐา
น อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นภูเขาหินทรายยอดตัด เป็นที่ราบข
นาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 60ตารางกิโลเมตร มีความสูง 400-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทยจุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตรจากระดับน้ำทะเล
สภาพทั่วไปของภูกระดึง ประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิ
ด พันธุ์สัตว์ป่านานาพันธุ์ หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตกอีกทั้งยังเป็นพื้น
ที่ต้นน้ำของลำน้ำพองซึ่งเป
็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยความสูงบรรยากาศ และสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอ
ดปีบนยอดภูกระดึง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอุณหภ
ูมิอาจลดต่ำจนถึง 0 องศาเซลเซียสจึงเป็นแรงจูงใ
จให้นักท่องเที่ยวปรารถนาแล
ะหวังจะเป็นผู้พิชิตยอดภูกร
ะดึงสักครั้งหนึ่งในชีวิต
…นี่คือตำนานคำกล่าวขานที
่มักได้ยินเสมอ ๆ เมื่อเอ่ยถึง “ภูกระดึง” หรือ “อุทยานแห่งชาติภูกระดึง” ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการที
่เราจะขึ้นไปถึงยอดดอยได้ต้
องเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 9 กิโลเมตร คือขึ้นเขา 5 กิโลเมตรบวกทางราบอีกประมาณ
3-4 กิโลเมตร (โห…ไหวไหมเนี่ย)ซึ่งนอกจ
ากจะมีคู่รักไปพิสูจน์รักแท
้แล้ว ภูกระดึง มักจะได้รับความนิยมในการไป
แบบกลุ่มเพื่อน ๆ อีกด้วยและทุกคนที่ได้ไปสัม
ผัสต่างพูดเป็นเสียงเดียวกั
นว่า ตอนเดินเหนื่อยมาก ๆแต่พอได้ไปสัมผัสกับธรรมชา
ติข้างบน ภูกระดึง แล้วคุ้มค่าสุด ๆ
9. เขาเทวดา
อุทยานแห่งชาติ พุเตย อำเภอด่านช้าง
ดินแดนแห่งขุนเขา ป่าหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์ที่สุดของเมืองสุพรรณ เป็นชายป่าผืนสุดท้ายของป่าห้วยขาแข้ง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักเดินทางทีหลงใหลในธรรมชาติ ความสงบเงียบ ป่าเขา น้ำตก ความงดงามงามของดวงอาทิตย์ยามเช้า ไอหมอก ความหนาวเย็น และวิถีชีวิตของชนชาวกระเหรี่ยง
สถานที่กางเต็นท์มี 3 จุดใหญ่ๆ ได้แก่
– หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 (ด้านวังคัน-ป่าขี)
– ที่ทำการอุทยานฯ พุเตย (ด้านปลักประดู่-ห้วยหินดำ)
– หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่
(ด้านปลักประดู่-ตะเพินคี่)หมู่บ้านกระเหรี่ยงตะเพินคี่ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่
เป็นป่าที่สวยงาม และเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านกะเหรี่ยง ชนกลุ่มน้อยที่อาศัยมากว่า 200 ปี ผืนป่า และต้นน้ำตะเพินคี่ ยังคงสภาพสมบูรณ์ เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยล่องไพร เป็นดินแดนแห่งความหนาวเย็น ในหน้าหนาวอุณหภูมิจะลดลง 5-6 ํC ยอดเขาเทวดา ที่ความสูงกว่า 1000 เมตร ในวันที่อากาศเหมาะสม นักท่องเที่ยวอาจจะได้ชมทะเลหมอกที่สวยงาม และไปยืนจุดที่เป็น ดินแดนรอยต่อของสามจังหวัด สุพรรณบุรี-อุทัยธานี-กาญจนบุรี การเดินทาง หน้าฝนควรเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนหน้าแล้งรถยนต์นั่งธรรมดาก็สามารถไปได้ แต่ควรเป็นรถกระบะ
10. ภูทอก
จุดชมวิวทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวเชียงคาน มีลักษณะเป็นภูเขาสูง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บนยอดภูเป็นที่ตั้งของสถานีโทรคมนาคมเชียงคาน และเป็นจุดชมวิวทิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ของอำเภอเชียงคาน และลำน้ำโขงได้โดยรอบ ตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกันกับแก่งคุดคู้ซึ่งห่างจาก ตัวอำเภอ เชียงคานประมาณ 3 กิโลเมตร ใครที่ได้แวะมาเที่ยวเชียงคาน ไม่ควรพลาดการไปชมทะเลหมอกในยามเช้าที่นี่ นอกจากนี้ภูทอกยังเป็นจุดชมวิวชมความงามของแม่น้ำโขง เมืองสานะคาม และแก่งคุดคู้ได้อย่างชัดเจน ส่วนทะเลหมอกนั้นจะเจอมากน้อยหรืออาจจะไม่เจอเลย ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน
11. แก่งหินสามพันโบกตั้งอยู่ที่บ้านโป่งเป้า
ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นกลุ่มหินทรายที่ถูกกระแสน้ำธรรมชาติ กัดเซาะผ่านกาลเวลามานานหลายพันปี จนเกิดเป็นร่องหินขนาดใหญ่สูง 3-7 เมตร กว้างเป็นสิบเมตร กลายเป็นโบกงามๆ แปลกตาจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายอยู่บนพื้นผิวของลานหินในละแวกนี้ กินพื้นที่เลียบริมแม่น้ำโขงทั้งฝั่งไทยและลาว ทอดตัวยาวไกลตั่งแต่บ้านโป่งเป้าไปจนถึงบ้านปากกะหลาง ตำบลสองคอน เป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร และรวมเป็นพื้นที่ถึงกว่า 30 ตารางกิโลเมตร ถ้าดูจากแผนที่กูเกิลจะเห็นชัดว่า ที่นี่เป็นลานหินกว้างใหญ่ มีหลุม หุบ รู และแอ่งยั้วเยี้ยอยู่นับไม่ถ้วน เห็นเป็นจุดๆ น้อยใหญ่เต็มไปหมด และดูท่าจะมีมากกว่าสามพันหลุมเสียด้วยซ้ำ
12. เกาะเต่า
เป็นเกาะเล็กๆตั้งอยู่กลางอ่าวไทย เป็นตำบลหนึ่งของ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พื้นที่เกือบทั้งหมดของเกาะเป็นภูเขา มีสัณฐานคล้าย เม็ดถั่วลักษณะเว้าเป็นอ่าวอยู่มากมาย ถึง 11 อ่าว แหลม 10 แหลมเกาะเต่านับเป็นเกาะแห่งทะเลฝั่งอ่าวไทยที่มีโลกใต้น้ำที่สวยที่สุดเหมาะแก่ทั้ง การดำน้ำตื้น (Skin Diving) และการดำน้ำลึก (Scuba Diving) นอกจากจะมีโลกใต้น้ำที่งดงาม ที่สุดของฝั่งอ่าวไทยแล้วภูมิประเทศของเกาะเต่า ยังมีลักษณะเว้าแหว่ง ตลอดตัวเกาะ ก่อให้เกิดอ่าวและแหลมมากมายหลายแห่ง ตลอดแนวชายฝั่งยาว 28.6 กิโลเมตร จึงไม่แปลกที่เกาะเต่าเป็น ที่ตั้งของโรงเรียนดำน้ำ มากมายเกาะเต่า แม้จะอยู่ในทะเลด้านที่รับ ลมมรสุ ตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพัดผ่านมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือน มีนาคม แต่ก็มี เกาะน้อยใหญ่ช่วยกำบัง คลื่นลมให้อยู่บ้าง นักท่องเที่ยวจึงสามารถ เดินทางไปเกาะเต่าได้ตลอดปี
13. ดงตาล
จ.เพชรบุรี ภาพตาลยืนต้นสูงเด่นเป็นแถวทิวสุดปลายตาตลอดสองข้างทาง เป็นสิ่งยืนยันว่าจังหวัดเพชรบุรีมีต้นตาลมากที่สุด
14. วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
หรือนิยมเรียกกันว่า วัดเรืองแสง ตั้งอยู่ที่ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า จุดเด่นของวัดคือ การได้มาชมภาพเรืองแสงเป็นสีเขียวของของต้นกัลปพฤกษ์ที่เป็นจิตรกรรมที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถในยามค่ำคืน ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมและถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 6.00.19.30 น. ซึ่งหากโชคดีก็จะได้เห็นดวงดาวมากมายเต็มท้องฟ้า อีกด้วย แต่ภาพเรืองแสงนี้หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย จะไม่เห็นเป็นสีเขียวชัดเจนเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพ เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวบางท่านที่มาเก็บภาพความงดงามผ่านสายตาต้องเผื่อใจไว้เล็กน้อย
15. เขาช้างเผือก
เป็นที่เที่ยวสำหรับคนที่ชอ
บการเดินป่า ชอบผจญภัย พิชิตยอดเขาสูง ยอดเขาช้างเผือกสูงตระหง่าน
รอให้มาพิสูจน์ความกล้ากัน โดยเฉพาะจุดของสันเขาที่หวา
ดเสียวที่สุดที่เรียกว่า “สันคมมีด”
เขาช้างเผือก ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาต
ิทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ บนยอดเขามีลักษณะเป็นภูเขาห
ญ้า มีหินบ้างตามสันเขา การเดินทางไปยังยอดเขาช้างเ
ผือก จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุท
ยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อลงทะเบียนรายชื่อคนที่
ขึ้นเขา ในแต่ละวันทางอุทยานฯ มีการจำกัดคนบนเขาไว้ที่ 60 คน เพราะพื้นที่กางเต็นท์บริเว
ณยอดเขามีพื้นที่จำกัด ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะนิย
มมาแบบ 1 คืน 2 วัน
แหล่งที่มา : http://baagklong.com